to top

เคล็ดลับเที่ยวเมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ ย้อนยุคกันแบบเป๊ะ ไม่งงเมื่อไปถึง

เมืองมัลลิกา50

สวัสดีค่ะทุกคนน วันนี้เอิร์ธจะพาทุกคนไปเที่ยวย้อนยุคกันที่เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ จังหวัดกาญจนบุรีค่ะ

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักกันมาบ้างแล้วแหละ เพราะเค้าฮิตและดังมากจริงๆ  เรียกได้ว่าส่องใน Facebook แล้วเจอหลายคนไปเที่ยวเยอะมากๆ เต็มเฟสเลยจ้า แต่ด้วยความที่คนไปเยอะมากนั่นแหละ ทำให้เพื่อนๆ ที่จะไปในช่วงนี้อาจจะต้องรอคิวหรือสู้กับฝูงชนนิดหน่อย งานนี้เอิร์ธเลยมีเคล็ดลับการเที่ยวเมืองมัลลิกาแบบง่ายๆ จากประสบการณ์จริงมาฝากกัน พร้อมพาทัวร์จุดต่างๆ ด้วยน้า เอาล่ะ มาย้อนยุคไปกับเอิร์ธกัน

 

เมืองมัลลิกา1

 

ก่อนจะไปเที่ยวเอิร์ธพามารู้จักกับเมืองมัลลิกากันซักหน่อยค่ะ

เมืองมัลลิกาตั้งอยู่ที่โซนไทรโยคตรงทางเข้าประสาทเมืองสิงห์ค่ะ ขับเลยจากตัวเมืองมาประมาณ 30 กว่าโลจ้า โดยใครที่ขับรถมาก็สามารถจิ้ม Google Map กันได้เลย ปักหมุดไว้แบบตรงเป๊ะ!

ส่วนใครที่ไม่ได้ขับรถมาก็สามารถนั่งรถตู้หรือรถประจำทางมาที่ตัวเมืองกาญ แล้วต่อรถประจำทางสาย ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละ มาลงที่เมืองมัลลิกาได้เลยค่าา

 

เมืองมัลลิกา5

 

สำหรับเมืองมัลลิกาเรียกได้ง่ายๆ ว่าเค้าเป็นเหมือน Theme Park  ของบ้านเรานี่แหละค่ะ คือถ้าอย่างเราไปญี่ปุ่น เค้าก็จะมีกิโมโนให้เราใส่เล่นใน Theme Park ของเค้า เมืองมัลลิกาก็เหมือนกันค่ะ พอเราเข้าไปข้างในเมือง เราจะเหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ในช่วงยุค ร.ศ.๑๒๔ ที่มีการเลิกทาสพอดี โดยที่เค้าเลือกเป็นช่วงนั้นเพราะว่าเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย และเป็นยุคที่ได้รับวัฒนธรรมต่างๆ เข้ามาแบบที่เรียกว่าเป็นยุคทองแห่งความศิวิไลซ์เลยค่ะ

 

ความเก๋ของเค้า นอกจากการที่เราจะได้เจอกับบรรยากาศไทยๆ ใช้เงินพดด้วง และเจอกับชาวเมือง (พนักงาน) พูดเจ้าค่ะ แล้ว คือในเมืองมัลลิกา เค้าอยู่กันเหมือนเป็นเมืองจริงๆ เลยค่ะ มีการทำนา โม่แป้ง ทำอาหารกันในเมือง โดยชาวเมืองต่างๆ ก็จะเป็นคนทำออกมาทั้งใช้กินอยู่กันเองในเมือง และนำมาขายให้กับเรานี่แหละ อย่างข้าวที่เราทาน เค้าก็ปลูกเอง ฟาดเอง แม้แต่ข้าวเกรียบว่าว เค้าก็นำข้าวมาโม่แป้งเองก่อนจะนำมาตากและปิ้งให้เรากินนี่แหละ ทำให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นไทยได้แบบจริงๆ ไม่มีโลกปัจจุบันมาผสมเลยค่ะ

เอาล่ะทุกคน! มาเริ่มเข้าเมือง เรียนรู้ความเป็นไทยกันดีกว่า

 

เคล็ดลับที่ 1 การซื้อบัตรเข้าเมือง

เมื่อมาถึงเมืองมัลลิกาสิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการซื้อบัตรค่ะ ซึ่งอย่างที่บอกว่าช่วงนี้เค้าฮิตมากๆ ดังนั้นคนต้องเยอะค่ะ ไม่ต้องสืบเลย เอิร์ธเลยแนะนำให้แบ่งตัวออกเป็น 2 กลุ่มค่ะ

กลุ่มนึงก็นำรถไปจอดด้านหลังตามปกตินี่แหละ ส่วนอีกกลุ่ม ก็ลงรถตั้งแต่หน้าประตูเมือง (ประตูสีแดงทางเข้าเมืองนะจ๊ะ ไม่ใช่ประตูจากถนนใหญ่) และพุ่งตรงไปทางขวาเพื่อไปต่อแถวซื้อบัตรค่ะ

เมืองมัลลิกา3

 

สำหรับตั๋วของเค้าจะมี 2 แบบค่ะ

1.เข้าเที่ยวชมเมือง

ราคานี้จะสามารถเข้าเที่ยวชมเมืองได้จ้า แต่อาหารหรืออะไรอื่นๆ จะต้องแลกเงินพดด้วงเพื่อชำระเพิ่มค่ะ

ผู้ใหญ่ 300 บาท (รวมเงินพดด้วง 50 บาท) และ  เด็ก 150 บาท ค่ะ

แต่ว่าเดือนพย. นี้เค้ามีโปรอยู่ เหลือที่  ผู้ใหญ่ 150 บาท และเด็ก 75 บาท เจ้าค่ะ

 

2. เข้าเมือง ทานอาหารเคล้าการแสดง

ราคานี้จะสามารถเข้าชมเมืองได้ปกติ พร้อมทานอาหารค่ำแบบฉบับไทยแท้ในเรือนไทย เคล้ากับการแสดงไทยๆ ที่ทางเมืองมัลลิกาจัดให้ชมค่ะ ซึ่งเอิร์ธว่าคุ้มอยู่น้า เพราะอาหารหลายอย่างหาทานได้ยากมากจริงๆ เจ้าค่ะ

ผู้ใหญ่ 700 บาท (รวมเงินพดด้วง 50 บาท) และ เด็ก 350 บาท

 

ส่วนเวลาเวลาขายบัตรของเค้าจะอยู่ที่  9.00-17.30 น.
เวลาเปิด-ปิดเมือง : 9.00-19.00 น.
เวลาอาหารเย็น & การแสดง: 18.00-20.00 น. ค่ะ

 

เคล็ดลับที่ 2 การเช่าชุดไทย

แน่นอนค่ะ มาถึงเมืองมัลลิกาแล้วจะไม่ใส่ชุดไทยได้เยี่ยงไรคะ นี่มันไฮไลท์เลยนะคะนายท่าน โดยที่นี่เค้าก็มีชุดให้เช่าค่ะ โดยเราสามารถติดต่อเข้าได้ที่ ประตู 1 ทางขวามือก่อนเข้าเมืองได้เลย อ้อ! อย่าลืมเตรียมเงินบัตรประชาชน และสภาพจิตใจที่เย็นและแข็งแกร่งไว้เผื่อหน่อยนะคะ เพราะคนค่อนข้างเยอะและชุลมุนค่ะ

เมืองมัลลิกา6

 

ราคาของเค้าจะอยู่ที่ ผู้หญิง 200 บาท สำหรับผ้า 2 ผืน คือสำหรับเป็นสไบ และโจงกระเบน พร้อมเครื่องประดับอย่างต่างหู สร้อย กำไล เข็มขัด ร่ม

ส่วนคุณผู้ชายจะอยู่ที่ 100 บาท สำหรับเสื้อ โจง และผ้าคาดเอวค่ะ

สำหรับคุณหนูๆ ก็มีนะคะ ในราคา 50 บาทจ้า โดยการเช่านี้แนะนำให้เราเตรียมบัตรประชาชนและเงินให้พร้อมค่ะ

ล็ดลับการเลือกชุดสำหรับคุณผู้หญิงคือจะต้องทิ้งความ Minimal ลงไปค่ะ ตอนแรกเอิร์ธกะว่าชุดเอิร์ธจะต้องเป็นสีเอิร์ธโทนทั้งหมด! เน้นความ Minimal  สไตล์เราเข้าไว้ แต่! สำหรับสมัยร.ศ.๑๒๔ คนที่ใส่ชุดสีเอิร์ธโทนเป็นสีเดียวกันทั้งโจงและสไบนั่นแสดงว่าเป็นอีเย็นนะคะคุณ ถ้าอยากผู้ดีสีต้องสดและตัดกันเข้าไว้ค่า!! เช่นแดง-เหลือง แดง-ฟ้าอะไรแบบนี้ ส่วนเอิร์ธวันที่ไปคนเยอะมากคว้าสีเหลืองและเขียวมาได้ค่ะ ความจริงในนั้นเค้าจะมีคู่สีแนะนำในแต่ละวันด้วยน้า ใครที่ไปลองอ่านที่ป้ายหรือถามเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องไซส์ไม่ต้องกลัวค่ะ ด้วยความที่เป็นผ้านำมานุ่งนั้น ดังนั้นใส่ได้สบายๆ ทุกไซส์เลย

อีกอย่างนึงที่เราไม่ควรทำก็คือเราควรจะห่มสไบให้เฉียงไปทางซ้ายเท่านั้นนะจ๊ะ ห้ามห่มไปทางขวาค่ะ เพราะสมัยก่อนเค้าจะค่อนข้างถือว่าการห่มสไบขวาเป็นการก่อสำหรับประราชินีเท่านั้นจ้า

 

เมืองมัลลิกา2

 

เมื่อได้ชุดแล้ว เราก็เข้าไปที่ห้องที่ 2 สำหรับเปลี่ยนชุดค่ะ ซึ่ง!! จะเป็นห้องเป็นชุดรวมชายหญิงค่ะ แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะเค้าจะมีล็อกเกอร์กั้นแยกโซนไว้ รวมไปถึงมีพนักงานคอยดูแล และช่วยเปลี่ยนชุดทั้งของคุณผู้หญิง คุณผู้ชายเลย

เคล็ดลับของเอิร์ธคือแนะนำให้สาวๆ ใส่เกาะอก เสื้อในไร้สาย และกางเกงซับในไว้ให้พร้อมค่ะ เพราะข้างในมันจะชุลมุนมากๆ เพื่อความสะดวก ไว ง่ายและเซฟไว้ เอิร์ธว่าใส่ติดมาเลยดีกว่าจ้า

แล้วก็แนะนำให้เลือกพร๊อพ หรือรองเท้าให้เข้ากับชุดไทยก็จะเก๋ไม่เบาค่ะ

ใครที่นุ่งผ้าไทยเป็นก็สบายหน่อย แต่ถ้าใครนุ่งไม่เป็นแบบเอิร์ธก็ไม่เป็นไรคะ เค้าจะมีพนักงานดูแลการใส่อยู่จ้า  ส่วนของต่างๆ เค้าจะมีล็อกเกอร์ไว้ให้เก็บของค่ะ แต่ทางที่ดีเอิร์ธว่าพกติดตัวไป หรือเก็บไว้ในรถจะดีกว่า

สำหรับใครที่อยากใส่ชุดไทยจัดเต็ม ก็สามารถแต่งตัวมาจากบ้านได้เลยจ้า โดยเค้าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่แนะนำให้ใส่สไบ+โจงกระเบนจะเข้ากับบรรยากาศสุด ส่วนใครที่ขี้เกียจเปลี่ยนชุด ก็ซื้อบัตรแล้วเดินเข้าไปเล่นกันได้เลย

เมืองมัลลิกา4

ไฮไลท์อีกอย่างนึงที่เอิร์ธว่าไม่ควรพลาดนั่นก็คือการนั่งรถเจ๊ก หรือว่าสามล้อลากค่ะ ในราคา 50 บาทเท่านั้น บอกเลยว่าได้บรรยากาศดีงามสุดๆ จ้า

 

เมืองมัลลิกา51

 

เมืองมัลลิกา8

 

เข้ามาในเมืองสิ่งแรกที่จะเจอก็คือสะพานหันค่ะ  ที่ทางเมืองเค้าจำลองบรรยากาศสะพานหันสมัยโบราณเอาไว้ค่ะ โดยในสะพานหันก็จะมีเหล่าผลไม้อบแห้ง ที่สมเด็จรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดไว้ให้เราได้ซื้อและชิมกัน

เมืองมัลลิกา11

cr  Facebook เมืองมัลลิกา ร.ศ.124

เมืองมัลลิกา13

 

ผ่านสะพานหันมาก็จะเจอกับนย่านแพร่ง หรือว่าโซนตลาดค่ะ ตรงนี้แหละฟินสุดๆ เพราะจะมีทั้งขนม อาหาร ของกิน ของใช้โบราณให้เลือกซื้อกันเพียบ!

เมืองมัลลิกา15

 

ในตลาดนี้เราจะต้องใช้เงินพดด้วงในการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้นนะคะ โดยเงินก็สามารถแลกได้ตั้งแต่ทางเข้า หรือในแบงก์สยามกัมมาจลทั้ง 2 สาขาคือสาขาแพร่งและบางรักจ้า

เมืองมัลลิกา14

เมืองมัลลิกา16

อัตราการแลกเปลี่ยนก็ตามนี้เลยค่ะ ส่วนของกินของเค้าก็ราคาไม่แพงนะคะ อย่างข้าวเกรียวว่าวถ้าจำไม่ผิดจะแผ่นละ 1 สตางค์ หรือว่า 5 บาท ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่เราซื้อข้างนอกเลยนั่นแหละ

เมืองมัลลิกา17

 

เคล็ดลับที่ 3 ร้านห้ามพลาดในตลาด!

ความจริงอาหารและขนมต่างๆ ของเค้าน่ากินและน่าเข้าไปลองทุกอย่างเลยค่ะ แต่เอิร์ธขอคัดร้านเด็ดๆ ที่กินแล่วมันดีต่อใจเอิร์ธมาแนะนำกัน

1.ร้านหมูสะเต๊ะ

เดินเข้าตลาดมาแล้วอย่าเพิ่งตื่นตะลึงค่ะ เอิร์ธแนะนำให้เดินเลี้ยวขวาแล้วมาสั่งหมูสะเต๊ะ กันไว้ก่อนเลย เพราะมันน่ากินมากๆ ย่างเตาถ่านแล้วกลิ่นยั่วยวนใจสุดๆ แถมต่อคิวกันนานด้วย บอกเลยไม่ควรพลาด

เมืองมัลลิกา22

เมืองมัลลิกา23

เมืองมัลลิกา24

เนียนไปช่วยตักน้ำจิ้มหมูมาค่ะ 5555

 2. ยำส้มโอ

สั่งหมูสะเต๊ะเสร็จอย่าเพิ่งเดินกลับ ให้เดินตรงไปอีก 2-3 ร้าน จะเจอกับยำส้มโอ ที่บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ควรพลาดจริงๆ ค่ะ ใกล้ๆ ตรงนั้นมีโต๊ะให้นั่งทานด้วย จกกันได้อย่างสนุกสนาน

เมืองมัลลิกา29

3. กระทงทอง

อ้ะ สั่งไว้แล้วระหว่างรอ ก็เดินย้อนกลับมาค่ะ แวะร้านกระทงทองทางขวามือที่เค้าทำกันสดๆ บอกเลยว่า โอ๊ยยยย ฟินมากเจ้าค่ะ!

เมืองมัลลิกา25

4.ขนมบ้าบิ่น

อีกร้านที่ไม่ควรพลาดค่ะ กับขนมบ้าบิ่นที่มันอร่อยมากกกกกกกกก แถมเค้าทำกันใหม่ๆ ร้อนๆ หอมไปอีก ดีงาม

เมืองมัลลิกา27

เมืองมัลลิกา26

5. ข้าวเกรียบว่าว

ของโปรดของเอิร์ธที่กินมาแล้วแทบจะทุกที่ที่เจอ แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นค่ะ เค้าจะมีความหอม เหนียวนุ่มอร่อยๆ แบบบอกไม่ถูกอะ คือถ้าเป็นร้านข้างนอกกินไปก็จะละลายหายไป แต่ที่นี่เค้าโม่แป้งเอง ตากเอง ปิ้งเอง ทำให้เนื้อของเค้าละมุน อร่อย มีความนุ่มๆ หนึบๆ ให้มีรสสัมผัส ดีงามมากกก จนอยากให้มีแบบซื้อกลับบ้านได้

เมืองมัลลิกา19

เมืองมัลลิกา18

นอกจากนี้เค้ายังมีขนมและอาหารเด็ดๆ ที่หาทานได้ยากอีกเพียบเลยค่ะ และที่สำคัญคืออร่อยทุกร้าน ทั้งขนมครก จ่ามงกุฏ น้ำพริก ร้านน้ำโบราณ  ป๊อบคอร์นโบราณ

เมืองมัลลิกา21

เมืองมัลลิกา20

เมืองมัลลิกา28

แถมยังมีร้านนวด ร้านขายรองเท้า ถ้วมชามรามไห ต่างๆ มากมายเลยค่ะ

เมืองมัลลิกา30

โม่แป้งเองได้ด้วย สนุกมากเจ้าค่ะ

เดินมาจนสุดตลาดก็จะเจอกับเรือนไทยต่างๆ ที่มีด้วยกัน 4 ประเภทเลย ทั้งเรือนเดี่ยว หรือว่าเรือนชาวบ้านที่มีบรรยากาศการทำไร่ทำสวนให้เราได้ดูกัน

เรือนคหบดี ซึ่งเป็นที่อยู่ของชนชั้นปกครองจ้า บนเรือนก็มีกิจกรรมให้เราได้เรียนรู้กันโดยจะเน้นงานไปที่งานฝีมือ อย่างงานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน งานแกะสลักผลไม้ สวยงาม

เมืองมัลลิกา35

เมืองมัลลิกา32

ตามมาด้วยเรือนแพริมน้ำที่บรรยากาศดีมากกกกกก  แถมยังรวมเอาร้านกาแฟตงฮู หรือร้านกาแฟที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นมาไว้ด้วย รวมไปถึงร้านข้าวแกงแบบไทยๆ ที่มีเมนูที่รัชกาลที่5 ทรงโปรดมาให้เราได้ทานกัน พร้อมร้านขายของชำร่วยด้วยค่ะ

เมืองมัลลิกา31

เมืองมัลลิกา34

เคล็ดลับที่ 4 มุมถ่ายรูปยามเย็น

ความจริงแทบทุกตารางนิ้วของที่นี่ถ่ายรูปได้เริ่ดหมดค่ะ แต่พี่ต้น ตากล้องของเอิร์ธไปเจอจุดเด็ดมา 1 จุด นั่นก็คือตีนสพานระหว่างทางเดินไปเรือนคหบดีค่ะ มุมนั้นช่วงเย็นๆ ฟ้าจะเป็นสีส้มสวยมาก พร้อมพวกเห็นเรือนแพ เรือนเดี่ยว ชัดเจน ทำให้ถ่ายออกมาแล้วสวยมากกก บิดไปอีกนิดก็จะเห็นเรือนคหบดีกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนสะพาน ดีงามสุดๆ (รอดูบรรยากาศเต็มๆ ได้ในคลิปแต่งหน้าชุดไทยของเอิร์ธนะคะ)

เมืองมัลลิกา33

 

เรือนสุดท้ายเป็นเรือนที่อลังการสุดค่ะ นั่นก็คือเรือนหมู่ที่เราจะมาทานข้าวเย็นพร้อมชมการแสดงกันที่นี่แหละ วันที่เอิร์ธไปเป็นวันลอยกระทงที่เค้าจัดงานพอดี บรรยากาศเลยสวยมากๆ เลยค่ะ

เมืองมัลลิกา37

 

สำหรับคนที่จะขึ้นมาทานอาหารบนเรือนหมู่ได้จะต้องซื้อตั๋วรับประทานอาหารตั้งแต่ทางเข้าเท่านั้นนะคะ โดยอาหารของเค้าก็จะเป็นอาหารโบราณที่หาทานได้ยาก และส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่สมเด็จรัชกาลที่ 5 ท่านทรงโปรดค่ะ

บรรยากาศบนเรือนจัดไว้สวยงาม เครื่องครัวต่างๆ ก็มีความเป็นไทยสุดๆ

เมืองมัลลิกา46

 

อาหารของเค้าจะมีประมาณ 5 อย่างค่ะ เอิร์ธไม่แน่ใจว่าเมนูของเค้าจะเปลี่ยนไปในแต่ละวันไหมนะคะ แต่เค้าจัดสำรับมาให้อย่างสวยงามเลย

เมืองมัลลิกา44

เมนูของเอิร์ธจะมีน้ำพริกขี้กา ที่คล้ายๆ น้ำพริกนุ่ม กินคู่กับผักต่างๆ โดยเฉพาะขมิ้นชัน อร่อยมากกก

เมืองมัลลิกา42

 

ยําใหญ่ใส่สารพัด รสเด็ดที่ใส่สารพักจริงๆ ตั้งแต่กุ้ง หมู ปลาหมึก ไข่ต้ม และอื่นๆ อีกมากมาย 5555

เมืองมัลลิกา40

 

มัสมั่นแกงแก้วตา ไก่ชิ้นใหญ่ที่ต้มมาจนเปื่อย ทำเอาคอมัสมั่นแบบเอิร์ธฟินไปอีกค่ะคุณขา

เมืองมัลลิกา41

แกงบวน อาหารที่รัชกาลที่ 5 ท่านทรงโปรด เค้าจะเป็นเหมือนต้มเครื่องในที่จะคล้ายพะโล้ก็ไม่ใช่ แต่อร่อยมากค่ะ แถมหากินยากมากๆ ด้วย

เมืองมัลลิกา43

 

ปิดท้ายด้วยหมี่กรอบทรงเครื่องที่กินเพลินสุดๆ

เมืองมัลลิกา45

 

ระหว่างรอเค้าก็จะมีโชว์ต่างๆ มาให้เราดูเคล้าไปกับอาหาร พร้อมการบริการจากชาวเมืองค่ะ

 

เมืองมัลลิกา39

 

เมืองมัลลิกา38

เมืองมัลลิกา47

ชาวคณะผู้หิวโหย 5555

เคล็ดลับที่ 5 ทานอาหารบนเรือนหมู่

อย่างที่เน้นย้ำว่าควรมาทานจริงๆ มันดีงามม ได้บรรยากาศที่แบบเดินเข้าพารากอนก็ไม่มีแบบนี้ แถมยังเป็นอาหารหายากอีก โดยใครที่เข้ามาต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นเรือนนะจ๊ะ ดังนั้นจำที่วางรองเท้าไว้ให้มั่น และเอิร์ธแนะนำว่าให้นั่งโซนหน้าๆ ก็ดีน้า จะได้ชมการแสดงกันแบบบัตรราคา 5,000 บาท ใกล้ชิดยิ่งกว่าในอิมแพ็ค 55555 ยกเว้นวันอังคารที่จะไม่มีการแสดงค่ะ

 

โชคดีวันที่เอิร์ธไปมีงานลอยกระทงพอดี เลยแวะไปลอยกันซักหน่อยก่อนกลับค่ะ

เมืองมัลลิกา48

 

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเลยนะคะ เค้าทำดีงามไม่แพ้ Theme Park ในต่างประเทศจริงๆ แถมเข้ามานอกจากที่จะได้สนุกแล้วยังได้รับความรู้ต่างๆ กลับไปอีกมากมาย ควรมาจริงๆ ค่ะ

เคล็ดลับที่ 6 ระยะเวลาที่ควรมาเที่ยว

ความจริงเอิร์ธอยากให้มากันแต่เช้าเลยนะ 555 เพราะสิ่งต่างๆ ในนั้นมันเยอะมากๆ อยู่ได้เป็นวันๆ แต่ก็เข้าใจว่าแดดบ้านเรามันก็ร้อนแรงจริงๆ ค่าา ดังนั้นใครที่ไม่กลัวแดด ก็มีได้ตั้งแต่ 9 – 10 โมงเลย เพราะคนจะได้ไม่ค่อยเยอะด้วย แต่ถ้าช่วงที่ถ่ายรูปสวยจริงๆ เอิร์ธแนะนำให้มาถึงที่นี่ซักประมาณบ่ายโมงค่ะ  จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรให้เรียบร้อย 1 ชั่วโมง และเริ่มเข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปกันช่วงบ่าย 2 กว่าๆ บ่าย 3 โมง ก็จะสามารถเก็บทุกอย่างได้ครบ แถมได้อยู่รอพระอาทิตย์ตกดินด้วยน้า

 

ส่วนใครที่อยากค้างคืน ที่นี่เค้าไม่มีที่พักค่ะ แต่สามารถพักโรงแรมใกล้เคียงได้เลย หรือใครที่อยากมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ก็สามารถมาได้หลังวันที่  1 ธ.ค. 59 เป็นต้นไป แต่ต้องเป็นชุดไทยน้า โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กรุณาติดต่อฝ่ายขาย ที่เบอร์ 034 540884-6 หรือ email : info@mallika124.com เลยค่ะ อ้อ! และทางเมืองไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าเมืองนะคะ

เมืองมัลลิกา49

 

เคล็ดลับที่ 7 เพิ่มเติมความสวย

นอกจากพร๊อพแล้ว หน้าผมต่างๆ เอิร์ธก็แนะนำว่าแต่งมาให้เข้ากับชุดไทยจะเวิร์กมากๆ ค่ะ และที่สำคัญอย่าลืมทากันแดด พกติดมาด้วยเลยยิ่งดี สเปรย์น้ำแร่ก็ควรต่อการพกพาค่ะ อ้อ! ที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ ดังนั้นใครขี้ร้อนพกพัดงามๆ หรือจะจัดพัดลมพกพามาเลยก็ได้จ้า

 

ใครที่อยากมาย้อนยุคก็สามารถมาได้ทุกวันเลยค่ะ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 หรือ โทร : 034 540884-6 ได้เลยค่ะ ถ้าจะมาเป็นหมู่คณะเค้ามีราคาพิเศษด้วยจ้า

เอาเป็นว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องมาลองเองค่ะ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่มีแพลนกำลังจะมาเที่ยวได้ดูไว้เตรียมตัวกันนะจ๊ะ

 

เมืองมัลลิกา12

 

แล้วครั้งหน้าเอิร์ธจะพาไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมติดตามกันน้า หรือจะติดตามเอิร์ธอัพเดทของอร่อยๆ เรื่องความงาม หรือช็อปปิ้ง ก็สามารถตามไปได้เลยที่Instagram  และ Fanpage เลยค่ะ

fb icon           IG ICON              tw icon

 

ทริปนี้เอิร์ธไปเป็น Press Trip ค่ะ

ขอบคุณรูปบรรยากาศสวยๆ จากพี่ใหม่และพี่ฮอลล์ และที่ขาดไม่ได้คือตากล้องคนสำคัญที่ไปร่วมผจญภัยไปด้วยกัน พี่ต้น LYSERGISM ค่ะ :)

Earthpynn

Leave a Comment

aCommerce Website Barter